7 โรคหน้าร้อน รู้ก่อนป้องกันได้

ผิวไหม้แดด (Sunburn)

แสงแดดที่ร้อนแรงในช่วงหน้าร้อน แฝงมาพร้อมกับรังสียูวีที่รุนแรง ซึ่งหากใครสัมผัสนานเกินไป โดยผิวไม่ได้รับการปกป้อง ไม่ได้ทาครีมกันแดด ไม่เคยได้รับคอลลาเจนบำรุงผิว อาจทำให้เกิดผิวไหม้แดดแบบรุนแรงได้ ซึ่งรังสียูวีจะทำลายดีเอ็นเอโดยตรง ทำให้เซลล์ผิวอักเสบ เสื่อมสภาพ และตายลงในที่สุด

ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากถูกแสง จะเริ่มสังเกตเห็นผิวมีสีแดงเป็นปื้น เกิดจากการที่หลอดเลือดขยายตัว ร่วมกับมีการหลั่งสารอักเสบจำนวนมาก จากนั้นผิวจะเริ่มคล้ำขึ้นภายใน 2 ชั่วโมง แล้วจะรู้สึกแสบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยรอยแดงอาจพีคสุดที่ 24 ชั่วโมง แต่ผิวไหม้เสีย อาจอยู่ได้นาน 1 – 2 สัปดาห์ ซึ่งควรระวังในเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน หรือคนที่ได้รับยาบางชนิด ที่ทำให้ไวต่อแสงมากกว่าปกติ เช่น ยาเคมีบำบัด, ยาลดความดันโลหิต, ยาฆ่าเชื้อรา

เพลียแดด (Heat Exhaustion)

หลายคนเคยรู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อต้องอยู่กลางแดดจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ที่ร่างกายจะเสียน้ำมากกว่าปกติ ร่วมกับระบายความร้อนไม่ทัน ส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลีย, คลื่นไส้อาเจียน, เวียนศีรษะ, เหงื่อออกมาก, ตัวเย็น, ซีด บางคนอาจมีความดันโลหิตต่ำลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ร่วมกับหายใจเร็วขึ้นด้วย หากพบอาการในลักษณะนี้ ต้องระวังว่าอาการที่เกิดขึ้น อาจไม่ใช่แค่ความรู้สึกอ่อนเพลียธรรมดา แต่เป็นโรคหน้าร้อน เป็นอาการเพลียแดด ซึ่งควรรีบนำเข้าบริเวณที่มีอากาศเย็น ให้ดื่มน้ำเย็นและเกลือแร่ หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาล เฝ้าระวังการเกิดฮีทสโตรก 

ไข้หวัดแดด (Summer Flu)

ไข้หวัดแดด เป็นคำที่คนนิยมเรียกไข้หวัดใหญ่ (Influenza, Flu) ที่เกิดในฤดูร้อน ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นและแสงแดด มีโอกาสทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โดยเฉพาะช่วงที่อากาศแปรปรวน อาจมีฝนตก อับชื้น ร้อนอบอ้าว อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus) ได้ง่ายขึ้น จนมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ตาแดง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซึ่งสามารถหายเองได้ แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง มีโรคประจำตัว ควรได้รับยาฆ่าเชื้อ Oseltamivir ภายใน 48 ชั่วโมง

ไมเกรน (Migraine)

ไมเกรน เป็นโรคหน้าร้อนที่หลายคนมองข้าม เพราะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ความจริงแล้ว  ผลกระทบจากอาการปวดศีรษะนั้น อาจรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จะทำงาน รับประทานอาหาร หรือข่มตานอนก็ทำได้ลำบาก โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเจอแสงแดด, อยู่ในที่อากาศร้อนจัด, เสียงดัง, ได้กลิ่นสารเคมี หากเกิดร่วมกับอาการอดนอน, ออกกำลังอย่างหนัก, มีความเครียดจากการทำงาน, มีประจำเดือน อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น หรือหน้ามืดเป็นลมได้เลย

อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning)

นับเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงหน้าร้อน เพราะอาหารจะบูดง่าย เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ทำให้คนที่ทานได้รับพิษที่ปนเปื้อนจากเชื้อโรค รวมถึงการทานอาหารที่ปรุงไม่สุก อาหารกระป๋องที่ไม่สะอาด ไม่ได้ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ จะทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น ถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน หากเสียน้ำมาก ควรได้รับการชดเชยเกลือแร่ทางเส้นเลือด

อีสุกอีใส (Chickenpox, Varizella)

เป็นโรคติดเชื้อไวรัส (Varicella-Zoster Virus, VZV) ที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าร้อน ทำให้เกิดไข้ ตุ่มแดง ตุ่มน้ำใสทั่วร่างกาย แพร่กระจายผ่านทางการหายใจและการสัมผัส มักพบในเด็กช่วงประถมศึกษา ซึ่งอาการจะไม่รุนแรง แต่หากเกิดในผู้ใหญ่ จะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ, สมองอักเสบได้ จึงควรดูแลสุขภาพ ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหากต้องใกล้ชิดผู้ป่วย และหลีกเลี่ยงการสัมผัส

ต้อเนื้อ (Pterygium)

ต้อเนื้อ เป็นภาวะที่พังผืดจากเยื่อบุตาขาว โตยื่นเข้าไปบนกระจกตา (ตาดำ) สาเหตุเกิดจากการสัมผัสกับฝุ่น, ควัน, ลม เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำงานกลางแจ้ง ที่ต้องสัมผัสรังสียูวีจากแสงแดดตลอดเวลา จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดต้อเนื้อให้มากขึ้น ซึ่งหากไม่ได้รักษา ต้อเนื้ออาจโตจนรบกวนการมองเห็นได้