บอกลาปัญหา โรคข้อเสื่อม

ด้วยคอลลาเจน
บำรุงกระดูกจาก Forte

โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis, OA) เป็นภาวะข้ออักเสบ (Arthritis) ที่พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 3.3-3.6% ของประชากรทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนกว่า 43 ล้านคนที่เกิดภาวะทุพพลภาพอย่างรุนแรง ส่วนหนึ่งเกิดจากคอลลาเจนบำรุงกระดูกที่ลดลง คอลลาเจนไทป์ทูเสื่อมสภาพ จึงถูกจัดให้เป็นโรคที่ทำให้ร่างกายถดถอย จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งแม้จะเป็นโรคที่พบบ่อยในคนสูงอายุ แต่ข้อมูลทางสถิติพบว่า มีคนที่เกิดโรคข้อเสื่อม แต่ไม่มีอาการผิดปกติ มากกว่าคนที่แสดงอาการอย่างน้อย 2 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะยังมีคนอีกมากที่อาจเกิดโรคข้อเสื่อมขึ้นแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว

อาการปวดตามข้อกระดูกแบบไหน ถึงควรสงสัยโรคข้อเสื่อม ?
อาการปวดของโรคข้อเสื่อม จะแย่ลงเมื่อใช้งาน แต่หากพักแล้วจะดีขึ้น โดยจะปวดมากสุดช่วงเย็น หรือหลังตื่นนอน ซึ่งอาจปวดตื้อ รู้สึกแน่น ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หรืออาจปวดจี๊ดขึ้นมาทันทีทันใด หลังจากขยับร่างกายในบางท่าทาง
 
• ปวดตามข้อกระดูก
• ข้อต่อบวม
• ข้อติดแน่น
• ขยับข้อได้น้อยลง
• มีเสียงดังกรอบแกรบในข้อ
 
โดยในช่วงแรก อาจเริ่มจากอาจปวดจี๊ด ซึ่งมักสัมพันธ์กับการทำกิจกรรม ที่เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง หรือมีการรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ จากนั้นอาจปวดบ่อยมากขึ้น นานขึ้น โดยเฉพาะบริเวณข้อเข่า, สะโพก, ข้อนิ้วเท้า, กระดูกสันหลังช่วงคอและเอว จนจำกัดการใช้ชีวิตประจำวันบางส่วนไป ในระยะท้าย อาจปวดตามข้อกระดูกเป็น ๆ หาย ๆ แบบไม่สัมพันธ์กับกิจกรรมใด ๆ ปวดขึ้นเองได้ตลอด จึงอาจทำให้ไม่สามารถเข้าสังคม หรือทำกิจกรรมนอกบ้านได้ ซึ่งหากรู้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ การเสริมด้วยคอลลาเจนบำรุงกระดูกตั้งแต่ต้น อาจช่วยชะลอการดำเนินของโรค และยืดอายุการใช้งานข้อได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อม

น้ำหนักเกินหรืออ้วน – ทำให้ปวดตามข้อกระดูกได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะข้อเข่า เพราะร่างกายต้องแบกรับน้ำหนักที่เกินกว่าปกติ นอกจากนี้ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย จึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการทำลายคอลลาเจนไทป์ทู ของกระดูกอ่อนในข้อต่าง ๆ ได้มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

การใช้งานข้อในลักษณะเดิมเป็นประจำการที่ข้อรับแรงกระแทกแบบเดิมซ้ำ ๆ จะทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมได้เร็วกว่าปกติ โดยเฉพาะในบางอาชีพ เช่น ช่างเสริมสวย, ช่างตัดผ้า, นักดนตรี, ทันตแพทย์, พนักงานขนส่งสินค้า, พนักงานออฟฟิศ หรือการออกกำลังกายบางอย่างเป็นประจำ เช่น เล่นเทนนิส, ปั่นจักรยาน ซึ่งหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรเสริมด้วยคอลลาเจนบำรุงกระดูก ตั้งแต่ยังไม่มีอาการผิดปกติ

ประวัติการบาดเจ็บข้อต่อกระดูกการเกิดอุบัติเหตุ ที่กระทบต่อกระดูก, ข้อต่อ หรือเส้นเอ็น ทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมแบบทุติยภูมิ (Secondary Osteoarthritis) ได้ ซึ่งหมายถึง มีสาเหตุอื่นนำมาก่อน ไม่ใช่การเสื่อมตามอายุ แบบที่พบในโรคข้อเสื่อมแบบปฐมภูมิ (Primary Osteoarthritis) โดยจากการศึกษาพบว่า คนที่เกิดการบาดเจ็บของข้อต่อแบบฉับพลัน เช่น จากอุบัติเหตุ จะมีการสลายของคอลลาเจนไทป์ทู และสารโปรตีโอไกลแคนจากกระดูกอ่อน ได้สูงถึง 74% เมื่อเทียบกับคนทั่วไป

เสื่อมตามวัยตั้งแต่ช่วงอายุ 45 ปีขึ้นไป จะเป็นวัยที่พบโรคข้อเสื่อมได้บ่อยขึ้น เพราะร่างกายสร้างคอลลาเจนไทป์ทูได้ลดลง ทำให้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของข้อต่อภายในกระดูก ผิวหน้ากระดูกอ่อน (Articular cartilages) เริ่มสึกหรอ แต่เนื่องจากข้อต่อ ยังมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำไปเรื่อย ๆ ซึ่งหากไม่ได้ดูแลด้วยคอลลาเจนบำรุงกระดูก หรือไม่ได้เสริมด้วยคอลลาเจนสำหรับผู้สูงอายุเตรียมพร้อมไว้ การรักษาที่ปลายเหตุอย่างเดียว อาจไม่สามารถทดแทนฟังก์ชันการทำงานของข้อ ที่เสื่อมไปแล้วได้

โรคข้อเสื่อมเกิดจากอะไร ?

โรคข้อเสื่อม เกิดจากการที่กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจเป็นจากการออกแรงในลักษณะเดิมซ้ำ ๆ, การรับน้ำหนักที่มากเกินไป หรือเกิดจากความเสื่อมตามวัย โดยอาจเริ่มจาก การสูญเสียมวลของกระดูกอ่อนบางที่ ทำให้การกระจายแรงรับน้ำหนักของข้อ เริ่มผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบข้ออ่อนแอลง เกิดความหย่อนยาน, ข้อต่อหลวม, แนวแกนของข้อเริ่มเปลี่ยนไป ก็จะยิ่งซ้ำเติมให้การอักเสบของโรคข้อเสื่อมรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งการเคลื่อนไหว การรับน้ำหนักจากแรงกระทำภายนอก จะเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เยื่อบุข้อต่อ (Synovium, Synovial membranes) และเซลล์กระดูกอ่อน (Chondrocytes) หลั่งสาร Matrix Metalloproteinases (MMPs), โกรทแฟกเตอร์ (Growth factors) และไซโตไคน์ (Cytokines) อีกหลายชนิด ที่ทำให้ร่างกายอักเสบมากขึ้น ยิ่งจะเร่งการทำลายเซลล์กระดูกอ่อน ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพ และหนาตัวขึ้นเป็นบริเวณกว้าง บางครั้งอาจพบเป็นกระดูกใหม่สร้างยื่นออกมา จนรบกวนการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สมบูรณ์ และทำให้เกิดการอักเสบซ้ำมากกว่าเดิม

รู้จักกระดูกอ่อน ต้นเหตุสำคัญทำข้อเสื่อม

กระดูกอ่อนทำหน้าที่ ดูดซับแรงกระทำระหว่างปลายของกระดูก 2 ชิ้น ทั้งยังช่วยรองรับน้ำหนัก และเสริมความมั่นคงให้กับข้อต่อ (Joint Stability) ขณะที่มีการเคลื่อนไหวโดยมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วนร้อยเกี่ยวพันกันอย่างแน่นหนา ได้แก่

1. คอลลาเจน Type II นอกจากมีอยู่ในกระดูกอ่อนทั่วร่างกายแล้ว ยังพบได้ที่น้ำเลี้ยงลูกตา และกระดูกบางส่วนอีกด้วย

2. สารประกอบกลุ่มโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan)
หรือแอคกรีแคน (Aggrecan)

• มีแกนหลักเป็นไฮยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic acids)
• มีสารกลุ่มไกลโคสะมิโนไกลแคน (Glycosaminoglycans, GAGs)
หรือ บางคนอาจคุ้นชื่อเดิมว่า มิวโคโพลิแซ็คคาไรด์
(Mucopolysaccharides) แตกแขนงออกมา ซึ่งประกอบไปด้วย
• คอนดรอยตินซัลเฟต (Chondroitin Sulfate)
• เคอราแทน ซัลเฟต (Keratan Sulfate)

การรักษา โรคข้อเสื่อม
 
มีหลายแนวทางการรักษาที่สามารถเลือกใช้ เพื่อดูแลอาการของโรคข้อเสื่อม ซึ่งอาจช่วยชะลอการเสื่อมของกระดูกอ่อนได้บ้าง ตั้งแต่การออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง จะช่วยแบ่งรับน้ำหนักจากข้อได้ โดยอาจใช้กายอุปกรณ์ เพื่อดามหรือพยุงข้อร่วมด้วย นอกจากนี้อาจรับประทานยาแก้ปวด, ยาคลายกล้ามเนื้อกลุ่ม NSAIDs เพื่อบรรเทาอาการ แต่อาจมีข้อจำกัดในผู้สูงอายุที่มีปัญหาไตเสื่อม หรือคนทั่วไปที่มีแผลในกระเพาะอยู่เดิม ส่วนบางคนที่มีอาการมากขึ้น อาจต้องฉีดน้ำไขข้อเพื่อเสริมข้อโดยตรง และสุดท้ายหากมีอาการของโรคข้อเสื่อมอย่างรุนแรง อาจต้องผ่าตัด เพื่อเปลี่ยนข้อต่อเลยทีเดียว
จะดีกว่าไหม ? ถ้าป้องกันได้ด้วยคอลลาเจนบำรุงกระดูก
 
การรักษา โรคข้อเสื่อม เป็นการดูแลเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ไม่สามารถเรียกคืนกระดูกอ่อน หรือกระดูกส่วนที่เสียไปแล้วได้ ดังนั้นการป้องกันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ที่จะช่วยให้เราได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตอย่างเป็นปกติ ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยความบกพร่องทางร่างกาย จึงควรบำรุงด้วยอาหารและอาหารเสริม ที่สามารถดูแลและเสริมโครงสร้างของกระดูกอ่อนได้ ซึ่งการศึกษาที่ประเทศตุรกีพบว่า การใช้คอลลาเจน Type II วันละ 10 กรัม ร่วมกับการให้ยา Acetaminophen (พาราเซตามอล) วันละ 1,500 มก. ช่วยลดอาการปวดข้อเข่า, ทำให้การเดินดีขึ้น และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ เมื่อเทียบกับการทานยาอย่างเดียว
 
ซึ่งจากงานวิจัยอีกหลายฉบับ สรุปตรงกันว่า คอลลาเจน Type II ช่วยเร่งการสร้างเซลล์กระดูกอ่อนและกระดูกได้ ทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้าง สารประกอบกลุ่มไกลโคสะมิโนไกลแคน (Glycosaminoglycans, GAGs) ให้กับข้อต่อได้ โดยเฉพาะ Chondroitin ที่มีการศึกษาพบว่า ช่วยทำให้ช่องว่างของข้อเข่าแคบลงได้อีกด้วย ดังนั้นหากต้องการเลือกอาหารเสริมคอลลาเจนบำรุงกระดูก ก็ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งคอลลาเจนไทป์ทู (Collagen type II) และสารประกอบ GAGs หรือมิวโคโพลิแซ็คคาไรด์ (Mucopolysaccharides)
ที่จำเป็นในการซ่อมแซม และเสริมสร้างกระดูกอ่อนด้วย

เสริมข้อต่อให้แข็งแรง บำรุงกระดูกให้แข็งแกร่งด้วย FORTE !

FORTE Collagen มีคอลลาเจน Type II ที่สกัดได้จากกระดูกอ่อนไก่ ผ่านกระบวนการย่อยสลายด้วยเอนไซม์ (Enzymolysis) ทำให้ได้คอลลาเจนเปปไทด์ที่มีขนาดเล็ก ดูดซึมได้ง่าย ละลายน้ำได้ดี โดยสารสกัดจากไก่มีคอลลาเจนไทป์ทู มากกว่า 65% ช่วยซ่อมแซมและเติมเต็ม คอลลาเจนของกระดูกอ่อน, กระดูก, น้ำไขข้อ, น้ำเลี้ยงลูกตา ในส่วนที่ร่างกายขาดไป และยังมีสาร Glycosaminoglycans (GAGs) หรือ Mucopolysaccharides ทั้ง Chondroitin Sulfate และ Keratan Sulfate อีกประมาณ 20% จึงช่วยทำให้การสร้างคอลลาเจนในร่างกาย เป็นไปอย่างสมบูรณ์ ช่วยชะลอและเยียวยาโรคข้อเสื่อมได้เป็นอย่างดี

ฟอร์เต้คอลลาเจน นอกจากจะเป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูกอ่อน, กระดูก, น้ำไขข้อ และน้ำเลี้ยงลูกตาแล้ว ยังช่วยดูแลผิวพรรณ, ผม, เล็บได้อีกด้วย เพราะมีคอลลาเจนเปปไทด์ถึง 3 ชนิด (Type I, II, III) รวมทั้งโปรคอลลาเจน และวิตามินซี ซึ่งทำหน้าที่• ช่วยเติมเต็มคอลลาเจนในส่วนต่าง ๆ• ใช้เป็นสารตั้งต้น เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้สร้างคอลลาเจนขึ้นเอง• ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูก และกระดูกอ่อน• ปกป้องโปรคอลลาเจน จากการทำลายของรังสียูวี

เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการชะลอความเสื่อมของร่างกาย และยังเหมาะกับการใช้เป็นคอลลาเจนสำหรับผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาโรคข้อเสื่อม ซึ่งต้องการชะลอการดำเนินของโรค และลดอาการปวดตามข้อกระดูก ที่เกิดจากกระดูกอ่อนตามข้อต่าง ๆ เสื่อมสภาพได้อย่างดี

โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เกิดจากการอักเสบและเสื่อมสภาพ ของกระดูกอ่อนตามข้อต่าง ๆ โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ทำให้เจ็บปวดตามข้อกระดูก, ข้อบวม, ข้อติดจนเคลื่อนไหวข้อลำบาก ทำให้การประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันถูกจำกัด ซึ่งการรักษาตามอาการ เป็นเพียงแค่การดูแลปลายเหตุเท่านั้น ทางเลือกที่ดีกว่านั้น คือการป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีอาการ โดยควรเลือกบำรุงด้วยอาหารเสริม ที่มีคอลลาเจนไทป์ทู และสาร Glycosaminoglycans (GAGs) เป็นส่วนประกอบ เพราะเป็นโครงสร้างหลักของกระดูกอ่อน แบบที่มีอยู่ใน FORTE Collagen โดยนอกจากจะใช้เป็นคอลลาเจนบำรุงกระดูกอ่อน, กระดูก, น้ำไขข้อ และน้ำเลี้ยงลูกตาแล้ว ยังช่วยดูแลผิวพรรณ, ผม, เล็บได้เป็นอย่างดี ชงดื่มง่าย ไม่ใส่สี ไม่มีสารเจือปน ผ่านการฆ่าเชื้อตามมาตรฐาน มั่นใจได้ว่า ปลอดภัยอย่างแน่นอน !