อายุยืน อย่างสุขภาพดี เป็นผู้สูงวัยแบบมีคุณภาพนั้น เป็นสิ่งที่ใครหลายคนปรารถนา เพราะนอกจากจะได้อยู่กับคนที่เรารักนานขึ้นแล้ว ยังได้มีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ และใช้ความสามารถ ในการสร้างประโยชน์ได้นานขึ้นด้วย ซึ่งเราอาจเรียนรู้เคล็ดลับได้จากชาวบลูโซน ที่มีอายุยืนกว่าใครในโลก!!
ชาวบลูโซนเป็นใคร ? ทำไมถึงอายุยืน ?
Blue Zones เป็นโซนที่มีคนอายุยืนอยู่รวมกันมากกว่าพื้นที่อื่นบนโลก ผู้คนมีอายุขัยเฉลี่ย 90 – 100 ปี มีคนอายุเกินร้อยปีอาศัยอยู่จำนวนมาก ด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่ยังแข็งแรงสมบูรณ์ สามารถช่วยเหลือตัวเองและทำกิจวัตรได้อย่างดี โดยมีพื้นที่บลูโซนอยู่ 5 แห่งบนโลกด้วยกัน ได้แก่ เกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น, เกาะอิคาเรีย ประเทศกรีซ, เมืองซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี, เมืองนิคอยา ประเทศคอสตาริกา และเมืองโลมา ลินดา ประเทศสหรัฐอเมริกา
มีหลายการศึกษาที่พยายามเก็บรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบลูโซน แล้วพบข้อมูลที่ตรงกันว่า แม้จะอยู่กันคนละซีกโลก แต่แนวทางการดำเนินชีวิตและการทานอาหารคล้ายคลึงกัน โดยเลือกทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำ แต่อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสมองจากทะเล ได้รับสารต้านอักเสบจากอาหารทุกวัน น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้คนในแถบบลูโซนมีอายุที่ยืนยาว อย่างมีคุณภาพ
เปิดไลฟ์สไตล์สุขภาพดี แบบชาวบลูโซน
เน้นทานพืชผักผลไม้
95% ของอาหารที่ชาวบลูโซนเลือกทานเป็นพืชผัก โดยเน้นการทานผักที่ปลูกเอง เช่น ผักโขม, ผักเคล, หัวผักกาด, ฟักทอง, ข้าวโพด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ชาวบลูโซนมีอายุที่ยืนยาว มีการศึกษาพบว่า ชาวคริสเตียนเซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์ ที่อาศัยอยู่ในโลมา ลินดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ทานมังสวิรัตินาน 30 ปีจะมีอายุยืนกว่าคนที่ทานเนื้อสัตว์ถึง 8 ปี
ธัญพืชคือของทานเล่น
ธัญพืชเป็นอาหารอีกประเภท ที่ชาวบลูโซนที่นิยม โดยจะรับประทานอย่างน้อยวันละครึ่งถ้วยตวง ทางเมืองนิคอยานิยมทานถั่วดำ แถบบลูโซนของอิตาลีและกรีซ จะทานถั่วเลนทิล (Lentils), ถั่วลูกไก่ (Chickpea), ถั่วขาว ส่วนทางเกาะโอกินาวา จะเน้นทานถั่วเหลืองในหลากหลายเมนู เช่น เต้าหู้, นัตโตะ, ซุปมิโสะ มีข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกยืนยันว่า การทานถั่วอย่างน้อยวันละ 20 กรัม จะช่วยให้อายุยืนขึ้นได้ โดยจะลดอัตราเสี่ยงเสียชีวิตลงได้ 8% ในทุกช่วงอายุ
เลือกทานเนื้อปลาเป็นหลัก
นอกเหนือจากโลมา ลินดาแล้ว ชาวบลูโซนพื้นที่อื่นยังคงทานเนื้อสัตว์ แต่ปริมาณน้อยกว่า 5% มักทานเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้น ซึ่งหากสังเกตจะพบว่า พื้นที่บลูโซนทั้ง 5 อยู่ใกล้ทะเลหรือเป็นเกาะ ทำให้เนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ที่เลือกรับประทาน จะเป็นปลาที่หาได้ในแถบนั้น โดยทานเพียงแค่ไม่เกิน 55 กรัม หรือน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งคอลลาเจนจากปลานี่เอง น่าจะเป็นอีกปัจจัยสนับสนุน ให้ชาวบลูโซนมีกระดูกแข็งแรง ข้อต่อสมบูรณ์ สุขภาพดี และมีอายุที่ยืนยาวกว่าร้อยปี
ดื่มน้ำเปล่าเป็นนิสัย
การดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร อาจเป็นอีกเคล็ดลับที่ทำให้มีสุขภาพดี นอกจากนี้ยังมีชาวโอกินาวา ที่ดื่มชาเขียวเกือบตลอดวัน ชาวเกอิคาเรีย ที่ดื่มชาสมุนไพร ส่วนชาวซาร์ดิเนีย ดื่มกาแฟเล็กน้อย อาจดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 – 2 แก้ว และจำกัดการดื่มนมสัตว์ ที่มีคอเลสเตอรอลสูง โดยเลือกทานอาหารบำรุงกระดูก จากแหล่งอื่นแทน
ทานแค่หายหิว
เคล็ดลับอายุยืน ที่เราอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน คือชาวโอกินาวาจะทานแค่ให้หายหิว หรือทานให้อิ่มเพียง 80% เพราะการทานมากเกินไป ไม่เพียงแค่ทำให้ง่วงเพลียเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในอนาคตด้วย
ออกกำลังกายทุกวัน
ชาวบลูโซนมักมีกิจวัตรประจำวัน ที่เคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา อย่างการตกปลา, ปลูกผัก, ทำสวน, เดินขึ้นลงเขา, ปั่นจักรยาน ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การออกกำลังกาย เฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้คนบลูโซนมีกล้ามเนื้อ และกระดูกแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาว
FORTE Collagen เคล็ดลับสุขภาพดี
ที่ไม่ต้องไปถึง Blue Zones !
จะเห็นว่าชาวบลูโซนนิยมทานผัก และเน้นการทานปลา ซึ่งจะช่วยให้มีสุขภาพที่ดี มีกระดูกแข็งแรงได้ แม้จะมีอายุร่วมร้อยปี แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ที่ช่วยให้กระดูกและข้อต่อแข็งแรงได้ โดยไม่ต้องไปไกลถึงบลูโซน แค่ชงฟอร์เต้คอลลาเจนดื่มวันละ 1 – 2 ซอง เพียงเท่านี้ คอลลาเจนจากปลาทิลาเพีย คอลลาเจนจากไก่และหอยเป๋าฮื้อ ในรูปแบบของคอลลาเจนไตรเปปไทด์ และโปรคอลลาเจนแบบเข้มข้น จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว เป็นอาหารบำรุงกระดูก, ข้อต่อ, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อ และผิวพรรณ ให้กลับมาสมบูรณ์ขึ้น แข็งแรงขึ้น มีสุขภาพที่ดีได้จากภายใน
ชาวบลูโซน เป็นกลุ่มคนที่มีอายุยืนที่สุดบนโลก มีอายุเฉลี่ยเกือบร้อยปี ปัจจัยสำคัญมาจากการทานพืชผักและธัญพืช เลือกทานเนื้อสัตว์จากเนื้อปลาเป็นหลัก ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับผ่านทางคอลลาเจนจากปลา เหมือนกับที่มีอยู่ใน FORTE Collagen นั้น จะช่วยให้กระดูก, ข้อต่อ, เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อแข็งแรง ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสุขภาพดีได้อย่างแน่นอน