ดูแลสุขภาพ
เผยเคล็ดลับ ปกป้องผิวจากแสงแดด บอกลาผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำซัมเมอร์นี้
การ ปกป้องผิวจากแสงแดด ยังเป็นเรื่องที่ขาดความเข้าใจกันอยู่มาก เพราะหลายคนเข้าใจว่า การทาสกินแคร์เพื่อปกป้องผิว ควรทำเฉพาะในวันที่มีแดดออก เป็นการทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวดำ หรือผิวหมองคล้ำเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ววัตถุประสงค์หลัก อยู่ที่การลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง รวมถึงการป้องกันผิวไหม้แดด (Sunburn) ที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากกว่า โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
ฤดูร้อน ต้องปกป้องผิวจากแสงแดด มากกว่าปกติไหม ?
สำหรับประเทศไทย ค่าดัชนีรังสียูวี (UV Index) จะอยู่ที่ประมาณ 11 – 14 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงจัด (Extreme) ตลอดปี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าฝน หรือหน้าหนาว รังสียูวีจากแดดของเมืองไทย ก็ยังรุนแรงอยู่ดี แต่ในช่วงหน้าร้อน อาจต้องเน้นเป็นพิเศษ เพราะค่าเฉลี่ยจะสูงกว่าช่วงอื่นเล็กน้อย สามารถทำลายคอลลาเจนผิวได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวเสีย เกิดริ้วรอย ขาดความยืดหยุ่น และเกิดจุดด่างดำได้ง่ายขึ้นด้วย
เคล็ดลับดูแลผิว หน้าร้อน พร้อม ปกป้องผิวจากแสงแดด
▹หลีกเลี่ยงแดดช่วงเที่ยง
ดัชนีรังสียูวีช่วงเวลา 10:00 – 15:00 น. อยู่ในเกณฑ์สูงมาก (Very High) – สูงจัด (Extreme) การสัมผัสแสงแดดในช่วงเวลานี้ นานประมาณ 30 นาที สามารถทำให้ผิวไหม้แดดได้เลย แต่หากเป็นเด็กเล็กหรือคนที่ผิวไวต่อแสง อาจใช้เวลาน้อยกว่า 15 นาที
▹พยายามอยู่ในที่ร่ม
การดูแลผิว หน้าร้อนที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง คือพยายามอยู่ในอาคาร แต่หากจำเป็นต้องออกข้างนอก ให้หาร่มเงาตึกหรือต้นไม้บัง โดยสังเกตจากเงาตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เงาสั้นลงกว่าตัวคุณ ให้ตระหนักว่า ช่วงนั้นรังสียูวีจากแสงแดดจะมีความรุนแรงสูงมาก ควรใช้เวลาอยู่กลางแจ้งให้น้อยที่สุด เพราะไม่ใช่แค่แสงแดดโดยตรงเท่านั้น ที่จะทำร้ายผิวได้ แต่ไอแดด รังสีความร้อนที่แผ่ออกมานั้น สามารถรบกวนการสร้างคอลลาเจน ทำร่างกายแก่ก่อนวัย และยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย
▹หลีกเลี่ยงพื้นที่สะท้อนแสง
หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการสะท้อนแสงมากกว่าปกติ เช่น แม่น้ำ, ทะเล, หาดทราย, ตึกที่ติดกระจกภายนอกอาคาร หากใครเดินทางไปประเทศ ต้องระวังแสงสะท้อนจากหิมะ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผิวเสียแล้ว ยังอาจทำให้ตาบอด (Snow Blindness) ได้เลย
▹ทาครีมกันแดด
การปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยครีมกันแดดที่มี SPF (Sunburn Protection Factor) สูงกว่า 30 ขึ้นไป ถือว่าเหมาะสมสำหรับแดดเมืองไทย โดยทาก่อนออกแดด 15 – 30 นาที แล้วทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก ควรทาซ้ำบ่อยขึ้นทุก 1 ชั่วโมง และอย่าลืมทาลิปบาล์มกันแดด SPF ไม่น้อยกว่า 15 ด้วย
▹สวมเสื้อผ้าช่วยกันแดด
การสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวเนื้อบางเบา เปรียบเหมือนการทาครีมกันแดด SPF 1,700 ช่วยป้องกันผิวไหม้แดด ผิวแห้งเสีย และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อย่างดี หากเทียบกับเสื้อยืดแขนสั้น ที่จะมี SPF 7 เท่านั้น
▹สวมหมวกปีกกว้าง
การสวมหมวกปีกกว้าง ที่คลุมได้ตั้งแต่ใบหน้าถึงลำคอ จะช่วยปกป้องผิวคุณให้ห่างไกลจากการถูกทำร้าย หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวไหม้เกรียม หรือผิวแห้งกร้าน ตกสะเก็ดหรือลอกเป็นขุย หรือหากไม่สะดวกสวมหมวก อาจเลือกเป็นการกางร่มแทน เพราะอย่างน้อยการปกป้องท้ายทอย ซึ่งเป็นบริเวณที่ไวต่อการรับอุณหภูมิ จะช่วยให้ร่างกายร้อนน้อยลง เสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากความร้อน (Heat-related illness) ได้น้อยลงด้วย
▹ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดูแลผิว หน้าร้อนที่ดี นอกจากปกป้องภายนอกแล้ว ยังควรต้องเสริมความชุ่มชื้นจากภายใน ด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย ควรเลือกเป็นน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ ส่วนใครอยากดื่มน้ำผลไม้ ควรเลือกเป็นแบบคั้นสด ไม่เติมน้ำตาล เพื่อลดการเผาผลาญพลังงาน ลดความร้อนภายในร่างกาย จะได้ช่วยป้องกันอาการเพลียแดด (Heat Exhaustion) หรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ได้อีกทางหนึ่ง
▹ดื่มคอลลาเจนบำรุงผิว
การได้รับโปรคอลลาเจน คอลลาเจนไทป์ 1, 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนผิว ที่สกัดจากธรรมชาติ อย่างคอลลาเจนจากปลาทิลาเพีย และอาบาโลนคอลลาเจน ที่มีอยู่ใน FORTE Collagen จะช่วยเติมคอลลาเจนในส่วนที่ขาด ฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน ผิวเสีย โดยเฉพาะผิวส่วนที่ถูกแสงแดดทำร้าย ให้กลับมามีสุขภาพดีขึ้นอีกครั้ง นับเป็นการปกป้องผิวจากภายใน เสริมเกราะป้องกันตามธรรมชาติ เติมให้ผิวอิ่มน้ำ ยืดหยุ่น เรียบเนียน จนผิวดูสดใสมากกว่าเดิม พร้อมบอกลาผิวกร้าน ผิวแห้งเสียได้เลยตั้งแต่ซัมเมอร์นี้
การ ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยเฉพาะแดดที่ร้อนจัดของเมืองไทย นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนังแล้ว ยังช่วยลดโอกาสเกิดผิวไหม้จากแสงแดด ผิวหยาบกร้าน ผิวแห้ง แตกเป็นแผล ผิวตกสะเก็ด ที่ลอกออกเป็นขุย ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งควรดูแลผิว ด้วยการปกป้องทั้งภายนอกและภายใน ทาครีมกันแดด, สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม, ดื่มน้ำให้เพียงพอ และดื่มคอลลาเจนผิว FORTE Collagen เพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงของผิว ให้มีสุขภาพดีจากภายใน
